【เว็บพนันออนไลน์ โปร โม ชั่ น สมาชิกใหม่】‘สู้โรค!!’ช่วยเศรษฐกิจ ‘อัปวิจัยคลินิก’ น่าลุ้น‘ทีมไทยแลนด์’ | เดลินิวส์

ทั้งนี้ กับความคืบหน้าในการ “รับมือได้เท่าทัน” กรณีนี้ ล่าสุดก็ “มีอัปเดทน่าสนใจ” ของทีมการแพทย์และสาธารณสุขประเทศไทย โดยมีแนวคิดในการ “จัดตั้งทีมไทยแลนด์” ขึ้นมาเพื่อทำภารกิจหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งวันนี้ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็มีข้อมูลมาสะท้อนต่อ กับภารกิจสำคัญที่น่าลุ้น

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

นั่นคือ “ทีมวิจัยคลินิกประเทศไทย”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ที่มีเป้าหมาย “ยกระดับระบบสุขภาพ”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีการเปิดเผยไว้จากการประชุมมอบนโยบาย เครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกระดับประเทศ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยภารกิจดังกล่าวมี สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) รับหน้าที่เป็นแกนหลักสำคัญในการจัดตั้ง “ทีมไทยแลนด์” เพื่อพัฒนาเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกระดับประเทศ ซึ่ง นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการ สวรส. ระบุถึงความสำคัญของการจัดตั้งทีมดังกล่าวนี้ไว้ว่า “งานวิจัยคลินิก” เป็นการศึกษาวิจัยในคนโดยอาศัยหลักการวิทยาศาสตร์ เพื่อ แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ที่เป็นความจริง และนำความรู้มาใช้อธิบาย “ปรากฏการณ์ทางการแพทย์” หรือ “ประยุกต์ใช้ในเวชปฏิบัติ” ต่าง ๆ

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

“เป้าหมายการวิจัยทางคลินิกจะมุ่งให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ ที่เป็นความจริงและนำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่สิ่งที่ได้ก็ยังมีเรื่องของความรู้ที่เป็นความจริง รวมถึงรู้ถึงความคลาดเคลื่อน ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการกำหนดแนวทางป้องกัน เพื่อลดความคลาดเคลื่อนให้หมดไปจนถึงเหลือน้อยที่สุด” เป็นหัวใจการวิจัยทางคลินิก ที่ ผอ.สวรส. ระบุไว้

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

นอกจากนั้น งานวิจัยทางคลินิกยังมีความสำคัญต่อการพัฒนายา เทคโนโลยี อุปกรณ์การแพทย์ ตลอดจนแนวทางหรือวิธีการรักษาใหม่ ๆ อีกด้วย ซึ่งย่อมส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการแพทย์ และ เพิ่มรายได้ให้ประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย เช่นกัน โดยสถานการณ์ระดับโลกของการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R D) ในภาพรวมนั้น ขณะนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแม้ประเทศแถบยุโรปจะเป็นพื้นที่ที่บริษัทยามีการลงทุนทำวิจัยมากที่สุด แต่ในขณะนี้ก็เริ่มมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่จีน อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย มีแนวโน้มการลงทุนด้านนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นสถานการณ์น่าสนใจ กับกรณี

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

แนวโน้มการลงทุนด้าน “วิจัยพัฒนา”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

เรื่อง “ยา และเทคโนโลยีการแพทย์”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ขณะที่ในส่วนของไทย ในเวทีเดียวกันฉายภาพไว้ว่า ปัจจุบันไทยมีเครือข่ายสถานพยาบาลขนาดใหญ่ประมาณกว่า 902 โรงพยาบาล มีศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษา 37 แห่ง และมีศูนย์วิจัยคลินิกรวมทั้งประเทศ 36 แห่ง หากแต่มีศูนย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากลอยู่ไม่เกิน 9 ศูนย์ ทำให้ การทำงานด้านการวิจัยทางคลินิกของไทยยังขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงไม่มีการทำงานแบบเครือข่าย ส่งผลให้ระบบนิเวศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีประสิทธิภาพพอ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง “ทีมไทยแลนด์” เพื่อทำภารกิจสร้างกลไกเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพให้กับงานวิจัยทางคลินิก ของไทย

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุไว้ในการมอบนโยบายการวิจัยคลินิกระดับประเทศว่า การจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมได้นั้น จะต้องมีการจัดทำระเบียบการวิจัยคลินิกที่เกี่ยวข้อง หรือทำที่ยังไม่ชัดเจนให้ชัดเจนและมองไปในทิศทางเดียวกันเสียก่อน เพื่อ “ปลดล็อกอุปสรรคต่าง ๆ” เพื่อให้การดำเนินงานต่าง ๆ เช่น การรับทุนวิจัย การแบ่งค่าตอบแทนเมื่อมีผลประโยชน์จากงานวิจัย ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาไทยอาจยังขาดงานวิจัยที่จะสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ทำให้ต้องมีการสั่งซื้อนวัตกรรมง่าย ๆ จากต่างประเทศ ซึ่งถ้าสามารถ “ปิดช่องว่าง”ตรงนี้ได้

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ไม่เพียง “ลดการนำเข้าจากต่างชาติ”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ยัง “สร้างความยั่งยืนระบบสุขภาพ”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ทั้งนี้ สลับกลับมาที่ นพ.ศุภกิจ ที่ยังได้ระบุในช่วงท้ายการประชุม เกี่ยวกับ “งานวิจัยทางคลินิกของประเทศไทย” ผ่าน “กลไกทีมไทยแลนด์” ไว้ว่า ไทยจำเป็นต้องมีการพัฒนางานวิจัย ที่สามารถนำมาต่อยอดนวัตกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้จริง ๆ ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ก็อยู่ระหว่าง จัดทำระเบียบการวิจัยคลินิก โดยจะมี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาช่วยดูแลเกี่ยวกับการ จัดทำมาตรฐานกลางของประเทศ ซึ่งการพัฒนาเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกระดับประเทศจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการยกระดับประเทศไทยไปสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยคลินิกในอนาคต

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

พร้อมกันนี้ ผอ.สวรส. ก็ยังได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า จากความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมีงานวิจัยคลินิกสำหรับใช้เป็นฐานความรู้ที่สำคัญของการพัฒนายา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานสากล ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมอบหมายให้ สวรส. ทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการ ขับเคลื่อนการวิจัยทางคลินิกของประเทศไทย (Thailand Clinical Research Collaboration หรือ Thailand CRC) ภายใต้ชื่อ “ทีมไทยแลนด์” เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเรื่องนี้ไปสู่การสร้างเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกที่ได้มาตรฐาน ที่มุ่งเน้นให้เกิด “ศูนย์กลางงานวิจัยคลินิกแบบครบวงจร”ซึ่ง

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

นอกจากจะ “เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่ป่วย”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ยัง “ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ”

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

“จากยาและเทคโนโลยีแพทย์ใหม่ ๆ”.

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์

สู้โรคช่วยเศรษฐกิจอัปวิจัยคลินิกน่าลุ้นทีมไทยแลนด์เดลินิวส์

很赞哦!（49341）